http://www.eat-travel-love.com/2013_07_01_archive.html |
...ยังมีอีกหลายร้อยพันหมื่นสถานที่บนโลกใบนี้ที่ยังรอให้ใครสักคนมาค้นพบ โลกอันลี้ลับแห่งนี้ยังมีอะไรแฝงอยู่อีกมากมายโดยที่เรามิอาจคาดถึง มันอาจเป็นเรื่องที่ทำให้เราประหลาดใจสุด ๆ ทำให้กลัวสุด ๆ ทำให้ซึ้งสุด ๆ หรือแม้กระทั่งทำให้เรามีความสุขสุด ๆ แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้ เว้นเสียแต่จะมีคนมาค้นพบมัน และสิ่งที่จะนำเสนอต่อไปนี้ก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เราตะลึงงันสุด ๆ และประทับใจสุด ๆ หลายคนคงสงสัย ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอะไร ก็ขอให้อ่านต่อไป ใบ้ให้ว่า มันเป็นสถานที่ที่คุณต้องไปให้ได้ก่อนตายเชียวแหละ!...
1.Petra ประเทศจอร์แดน
นครเปตรา
คือนครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา
หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบาในประเทศจอร์แดน
เป็นเมืองที่เจาะสลักเข้าไปในหินเกือบทั้งหมด รอบบริเวณไม่ว่าจะเป็นวิหาร หลุมศพ
บันได โรงละคร ซึ่งขุดสลักตั้งแต่ยอดเขาลงมาเป็นหลืบลดหลั่นเป็นช่อชั้นงดงาม
แสดงถึงฝีมือและศิลปะในการสลักหินได้อย่างยอดเยี่ยม
ถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมเบื้องต้นของเขตตะวันออกกลาง
นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700
ปี
จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท
เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี 1812 ภายหลังที่นี่เลยกลายเป็นแหล่งความรู้อย่างดีของนักโบราณคดี
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่หนึ่งในโลก
2.ทะเลสาบสีชมพู Hiller lake (pink lake) ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย
ทะเลสาบฮิลลิเออร์ นี้ตั้งอยู่บนเกาะมิดเดิ้ล ไอส์แลนด์
ประเทศออสเตรเลีย
แปลกประหลาดล้ำตรงที่ว่าน้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีชมพูคล้ายนมสตรอเบอร์รี่มิลค์เชค
และถึงแม้ว่าในโลกนี้ยังมีทะเลสาบสีชมพูอีกหลายแห่ง
แต่ทะเลสาบฮิลลิเออร์นั้นมีความแตกต่างจากทะเลสาบสีชมพูแห่งอื่น ๆ ตรงที่น้ำในทะเลสาบเป็นสีชมพูจริง ๆ ไม่ได้เกิดจากการตกตะกอน แสงสะท้อน
หรือสาหร่ายในน้ำ เมื่อตักน้ำในทะเลสาบฮิลลิเออร์มาใส่ขวดก็จะได้น้ำสีชมพูใส
และจะเป็นสีชมพูอยู่อย่างนี้ตลอดไปจนนักวิทยาศาสตร์อึ้งไปตาม ๆ กัน
น่าอัศจรรย์ใจมาก
ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าสีชมพูนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในเกล็ดของเกลือนั่นเอง
3.หมู่เกาะ Palau ประเทศปาเลา
ทะเลสาบแมงกะพรุนไร้พิษ หรือ Jellyfish Lake นี้ตั้งอยู่บนเกาะ
Eil Malk ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะ Rock Islands ที่สาธารณรัฐปาเลา
ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
และจุดเด่นที่สุดของที่นี่คือ แมงกะพรุนทอง (Golden Jellyfish) นับล้านตัวแหวกว่ายอยู่
ชายหาดแก้ว แห่งนี้ เดิมที่เป็นที่ทิ้งขยะของรัฐแคลิฟอร์เนีย
หลายสิบปีผ่านไป ขยะที่เป็นเศษแก้วถูกคลื่นซัดสาดหายไป
จนกลายเป็นชายหาดแสนสวยอย่าวน่าอัศจรรย์
5.Glow worm cave ประเทศนิวซีแลนด์
เหมือนดาวอยู่ใกล้แค่เอื้อมในถ้ำสุดมหัศจรรย์แห่งนี้ “Waitomo
Glowworm Caves” หรือถ้าแปลตรงตัวก็คือ “ถ้ำหนอนเรืองแสง” ตั้งอยู่ที่เกาะเหนือ
ทางตอนใต้ของเมืองไวกาโต ประเทศนิวซีแลนด์ คำว่า Waitomo แปลว่า
น้ำที่ลอดผ่านถ้ำ ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากลักษณะทางกายภาพภายในถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่าน
และสิ่งที่ทำให้หลายคนต้องตกตลึงเมื่อเข้าไปสู่ถ้ำแห่งนี้ ก็คือ แสงระยิบระยับ
จนเหมือนว่ากำลังมองดูดวงดาวบนฟ้าในยามค่ำคืน
โดยสาเหตุของแสงที่ว่านี้ก็เนื่องมาจาก หนอนเรืองแสง ที่อยู่ภายในถ้ำนั่นเอง
6.Fingal’s Cave ประเทศสก็อตแลนด์
แม้ว่า ถ้ำฟิงกอล ที่ประเทศสกอตแลนด์นี้อาจจะดูเหมือนเป็นโครงสร้างบล็อก ๆ
ที่มนุษย์สร้างขึ้น
แต่ความจริงแล้วเสาหินหกเหลี่ยมนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจำนวนมาก
ด้วยสภาพถ้ำที่เป็นโพรงแนวยาว ทำให้ภายในถ้ำเกิดเป็นเสียงสะท้อน
คล้ายเสียงดนตรีได้ด้วย บางทีคนก็เรียกถ้ำนี้ว่า “Cave of melody”
7.Venice ประเทศอิตาลี
ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวของอิตาลี เมืองเวนิส
ดูจะเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากทุกเมืองในโลก
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบที่สวยงามจนได้ฉายาว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก”
( The Queen of the Adriatic) หรือ “เมืองแห่งสายน้ำ” (The City of Water) ที่มีคลองสำหรับใช้สัญจรแทนถนนมากกว่า
150 สาย และมีเรือกอนโดลา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของเวนิส
อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรม และดนตรียามค่ำคืน
ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก และใฝ่ฝันอยากมาเทียวชมสักครั้งในชีวิต
เวนิสเป็นที่รู้จักกันมาช้านานในประวัติศาสตร์ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการเดินเรือ
และการค้าของทวีปยุโรปนับพันปี
8.Yellowstone National Park, Wyoming สหรัฐอเมริกา
เยลโลว์ สโตน
เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของอเมริกาและแห่งแรกของโลกด้วย
มีพื้นที่ทั้งหมดอยู่บนที่ราบสูงบนเทือกเขาร็อคกี้ มากกว่า 2 ล้านเอเคอร์
อีกทั้งยังมีบ่อน้ำร้อน และน้ำพุร้อนมากกว่า 10,000 แห่ง
ดินแดนแห่งนี้มีอายุมากกว่า 600,000 ปี เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ
ทิ้งร่องรอยของหินละลายที่พุ่งผ่านผิวโลกขึ้นมาเย็นตัว เกิดเป็นภูเขาสูง
ที่ราบและหุบเหวที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าที่น่าสนใจมากมาย
9.Great Blue Hole ประเทศเบลิส
หลุมยักษ์น้ำเงินครามแห่งเบลิซ
ประเทศนี้อยู่บนฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง ริมทะเลแคริบเบียน
หลุมนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งเบลิซประมาณ 60 ไมล์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 984 ฟุต
กับความลึกประมาณ 410 ฟุต เชื่อกันว่าหลุมนี้เป็นหลุมกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
สันนิษฐานกันว่ามันก่อตัวขึ้นในยุคน้ำแข็ง แถมหลุมนี้ยังเป็น 1 ใน 7 หลุมที่นักประดาน้ำจัดอันดับสถานที่น่าดำน้ำที่สุดในโลกอีกด้วย
10.Athabasca Falls At Dusk, Jasper, Alberta ประเทศแคนาดา
ภายในอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ มีอยู่ในทะเลสาบลึกลับอยู่นั่นก็คือ
ทะเลสาบเมดิซีน แห่งนี้ ทุกฤดูหนาวน้ำจะหายไปเหมือนที่นี่ไม่เคยมีน้ำมาก่อน
เกือบเหมือนอ่างอาบน้ำที่ปล่อยน้ำออกได้อย่างน่าอัศจรรย์
ความจริงของสิ่งลึกลับนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วว่า ทะเลสาบเมดิซีน
ไม่ได้เป็นทะเลสาบจริง ๆ แต่เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่รับน้ำ “มาลีน วัลเลย์
(Maligne Valley)” ซึ่งในช่วงฤดูร้อนของทุกปีธารน้ำแข็งที่ปกคลุมบนภูเขาในแถบนี้จะละลายลงสู่แม่น้ำมาลีน
โดยน้ำจากธารน้ำแข็งส่วนหนึ่งจะมารวมกันอยู่ที่นี่จนกลายเป็นทะเลสาบสวยงามในฤดูร้อนนั่นเอง
...เป็นอย่างไรกันบ้างกับสถานที่สุดอัศจรรย์ทั้ง
10 ที่ด้านบน ถึงมันจะดูสุดเอื้อมและยากลำบากที่จะไป
แต่สำหรับมนุษย์ผู้รักการผจญภัย ชอบเผชิญโลกกว้าง
และต้องการปลดปล่อยชีวิตอันด้านชาและเต็มไปด้วยความเครียดแล้วละก็
สถานที่ดังกล่าวคือสวรรค์ของคุณเลยล่ะ ยังไงก็อย่าลืมเก็บตังค์แล้วทำตามฝันนะ!...
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก:
http://travel.truelife.com/detail/3264560